First formed as AES Group in 1987 by Arzamasova, Evzovich, and Svyatsky, the collective became AES+F when Fridkes joined in 1995. Working at the intersection of traditional media, photography, video and digital technologies, the collective defines their practice as social psychoanalysis, revealing the values, vices and conflicts of contemporary global culture.
AES+F achieved worldwide critical acclaim in 1999 for their Islamic Project, which depicted various Western postcard city landscapes manipulated to appear colonized by Islamic culture. AES+F cemented their reputation as a contemporary art powerhouse in the Russian Pavilion at the 52nd Biennale di Venezia in 2007 with their provocative Last Riot, the first of their now signature large-scale, multichannel video installations. The following two large video installations titled The Feast of Trimalchio and Allegoria Sacra debuted at the 53rd Venice Biennale and 4th Moscow Biennale respectively. These three projects came to be known as The Liminal Space Trilogy, and were shown together for the first time in September 2012 at the Gropius Bau, Berlin. In 2015, AES+F premiered Inverso Mundus at the 56th Biennale di Venezia. Inverso Mundus was later shown at the Kochi-Muziris Biennial, the Bangkok Biennial, and a number of other museums and festivals all over the world.
In 2019, with Italian opera director Fabio Cherstich, the collective premiered a reimagined Turandot at the Teatro Massimo in Palermo, acclaimed by critics as audacious and visionary. Over the course of their prolific career the collective has also produced several sculptural projects at different scales, from monumental fiberglass Angels-Demons (2009), first shown in France at the Lille3000 festival, to miniature porcelain Mare Mediterraneum (2018), first presented at the Manifesta Biennial in Palermo.
For more than three decades, works by AES+F have been showcased in signature festivals of contemporary art around the world, such as the biennials of Venice, Sydney, Moscow, Gwangju, Havana, Istanbul, Kochi-Muziris, Lyon, Vancouver, and many others. AES+F works have also been exhibited at institutions and galleries, such as the Garage Museum of Contemporary Art (Moscow), ZKM (Karlsruhe), HAM (Helsinki), Moderna Museet (Stockholm), Tate Britain (London), MAXXI and MACRO Future (Rome), Centre Pompidou (Paris), Museo Thyssen-Bornemisza (Madrid), Tang Contemporary Art (Beijing), Mori Art Museum (Tokyo), Leeum Samsung Museum of Art (Seoul), National Gallery of Australia (Canberra), Faena Art Center (Buenos Aires), and many others.
ในปี พ.ศ. 2530 กลุ่มเออีเอสเอฟ ได้มีการก่อตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ เออีเอส กรุ๊ป โดยมีผู้ก่อตั้งคือ Arzamasova, Evzovich และ Svyatsky กลุ่มนี้กลายเป็น เออีเอส+เอฟ เมื่อ Fridkes เข้าร่วมในปี พ.ศ. 2538
ผลงานที่เกิดขึ้นจากการการผสมผสานของงสื่อแบบดั้งเดิมเช่น การถ่ายภาพ วิดีโอ และเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างผลงงานภายใต้แนวปฏิบัติที่พวกเขาเรียกว่าว่าจิตวิเคราะห์ทางสังคม ซึ่งสะท้อนถึงค่านิยม ความชั่วร้าย และความขัดแย้งของวัฒนธรรมโลกร่วมสมัย
เออีเอส+เอฟ ได้รับคำวิจารณ์จากทั่วโลกในปี 2542 จาก Islamic Project ของพวกเขา ซึ่งแสดงภาพภูมิทัศน์จำลองของเมืองท่องเที่ยวโด่งดังต่างๆในตะวันตก ในฐานะอาณานิคมของวัฒนธรรมอิสลาม
เออีเอส+เอฟได้สร้างชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ศิลปะร่วมสมัยเมื่อพวกดขาได้แสดงที่ Russian Pavilion ที่งาน Biennale di Venezia ครั้งที่ 52 ในปี 2550 ด้วยงาน Last Riot ที่เร้าใจ ซึ่งถือเป็นการติดตั้งวิดีโอขนาดใหญ่ที่เป็นแนวงานที่ขึ้นชื่อของพวกเขาในปัจจุบันนี้การติดตั้งวิดีโอขนาดใหญ่ในชื่อ The Feast of Trimalchio และ Allegoria Sacra เปิดตัวที่งาน Venice Biennale ครั้งที่ 53 และ Moscow Biennale และ ครั้งที่ 4 ทั้งสามโปรเจ็กต์นี้เป็นที่รู้จักในชื่อ The Liminal Space Trilogy และได้แสดงร่วมกันเป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน 2555 ที่ Gropius Bau กรุงเบอร์ลิน ในปี 2558 AES+F ได้เปิดตัว Inverso Mundus ที่งาน Biennale di Venezia ครั้งที่ 56 ต่อมาได้จัดแสดง Inverso Mundus ที่งาน Kochi-Muziris Biennial, Bangkok Biennial และพิพิธภัณฑ์และเทศกาลอื่นๆ อีกหลายแห่งทั่วโลก
ในปี 2562 เออีเอส+เอฟ ร่วมกับคณะละครโอเปร่าชาวอิตาเลี่ยน Fabio Cherstich ได้แสดงละคร Turandot ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ณ Teatro Massimo ในปาแลร์โม ซึ่งได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ว่าในความกล้าหาญและวิสัยทัศน์กว้างไกล
นอกจากงานวิดีโอแล้วเออีเอส+เอฟ ยังได้ผลิตงานประติมากรรมหลายชิ้นในระดับต่างๆ ตั้งแต่เทวรูปไฟเบอร์กลาส Angels-Demons 2552 ที่แสดงครั้งแรกในฝรั่งเศสที่งานเทศกาล Lille3000 ไปจนถึงเซรามิคเคลือบขนาดเล็ก Mare Mediterraneum 2561 ซึ่งจัดแสดงครั้งแรกที่ Manifesta Biennaleในปาแลร์โม
กว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา ผลงานของ เออีเอส+เอฟ ได้รับการจัดแสดงในเทศกาลศิลปะร่วมสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ทั่วโลก เช่น งาน Biennials ที่ เวนิส, ซิดนีย์, มอสโก, กวางจู, ฮาวานา, อิสตันบูล, โคจิ-มูซิริส, ลีอง, แวนคูเวอร์ และ อื่น ๆ อีกมากมาย ผลงาน เออีเอส+เอฟ ยังได้จัดแสดงในสถาบันและหอศิลป์ เช่น Garage Museum of Contemporary Art มอสโก ZKM, คาร์ลสรูเฮอ HAM เฮลซิงกิ Moderna Museet สตอกโฮล์ม Tate Britain ลอนดอน MAXXI และ MACRO Futre โรม ศูนย์ปอมปิดู ปารีส Thyssen-Bornemisza มาดริด Tang Contemporary Art ปักกิ่ง Mori Art Museum โตเกียว พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Leeum Samsung โซล หอศิลป์แห่งชาติออสเตรเลีย แคนเบอร์รา ศูนย์ศิลปะ Faena บัวโนสไอเรส และอื่นๆ อีกมากมาย